จำไม่เคยลืม เจมส์ เรืองศักดิ์ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกก่อนเครื่องบินตก 20 ปีที่แล้ว - siamnews199new

Latest

Sponsor

Wednesday, December 12, 2018

จำไม่เคยลืม เจมส์ เรืองศักดิ์ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกก่อนเครื่องบินตก 20 ปีที่แล้ว


จากเหตุการณ์สยองขวัญที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คนสำหรับกรณีเครื่องบินตกที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2541 ซึ่งนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 20 ปีพอดีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และหนึ่งในผู้รอดชีวิตเป็นนักร้องนักแสดงหนุ่ม เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาถึงทุกวันนี้





ล่าสุดเจมส์ได้โพสต์เล่าถึงเรื่องราวชวนขนหัวลุกก่อนเกิดเหตุเครื่องบินตก 2 เดือน รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเครื่องบินตก ซึ่งสัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เกิดชึ้น 2 เดือนก่อนเครื่องบินตก และจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าตัวยังหาคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ไว้ว่า


"11 ธค2561 เป็นวันครบรอบ 20ปีเต็มพอดีกับเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตผม...ในโศกนาฏกรรม 11ธค2541
20 ปีเต็มๆ ที่ผมเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เกือบ100%ของผู้ที่ได้พบเจอตัวผม ต้องมีคำถามหรือ
อยากได้ยินผมเล่าเรื่องนี้จากปากผมเอง
แต่ยังมีอยู่อีกมุมนึงของเรื่องนี้ที่ผมเก็บไว้ตลอด20ปี และไม่ค่อยได้พูดกับใครนอกจากคนสนิท ผมพบเรื่องประหลาดๆ ซึ่งอาจหาคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้(หรือในอีกมุมมันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง)
ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่สนับสนุนให้เชื่อหรืองมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็นแบบไม่ใช้สติและปัญญาใคร่ครวญเสียก่อน... เเต่ผมเพียงแค่เเชร์ประสบการณ์ และเรื่องที่น่าพิศวงและยังหาคำตอบไม่ได้เท่านั้นเอง...
... เรื่องคือก่อนเกิดเหตุประมาณสัก 2เดือน ผมได้รับรูปของสิ่งศักดิ์สิทธิ(ซึ่งผมขออนุญาตไม่พูดชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องงมงาย) ซึ่งผมนำมาวางไว้ที่บนตู้ใกล้เตียงนอน มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่ผมนอนหลับ ตัวเองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ลืมตามา สายตาก็จ้องไปที่รูปสิ่งศักดิ์สิทธินั้นโดยไม่รู้ตัว...
ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในรูปเคลื่อนไหวมือขึ้นลง ผมพยายามขยี้ตาตัวเอง เพราะคิดว่าคงเป็นอาการเบลอของสายตา หรืออาการงัวเงียจากการทำงานหนักในช่วงนั้น... แต่สิ่งที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มและทำให้ผมกลัวคือ ผมรู้สึกว่ามือผมกำลังถูกทำให้ขยับตามท่าทางในรูป และเหมือนอยู่ในภวังค์
วันนั้นผมตกใจมาก แต่สักพักอาการทั้งหมดก็ค่อยๆหายไป จนผมสามารถนอนหลับได้ ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่เล่าให้ใครฟังเลย เพราะผมเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่าง100% เเละเชื่อว่ามันมีคำอธิบายในทางการแพทย์ของอาการเบลอ หรืออาการมองเห็นภาพแปลกๆ เฉกเช่นเดียวกับอาการผีอำ ที่มีคำอธิบายในทางการแพทย์...
เเต่จุดพีคสุดไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะสิ...
วันที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตก ผมตื่นขึ้นมาหลังจากสลบเพราะเครื่องกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและเเตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนที่นั่งใกล้ๆผม อยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้..ในขณะที่ผมออกจากตัวเครื่อง เดินเข้าไปในป่าที่มืดจนรู้สึกกลัวจนต้องย้อนกลับมาที่คันดิน...นั่งรอสักพักจึงมีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ...
ผมจำได้ว่าตอนที่อยู่หลังรถกู้ภัยผมอยากหลับ ในสถานการณ์น่ากลัว...แต่ผมกลับรู้สึกสบายหากได้หลับ หลับตาลงเมื่อไหร่จะเห็นแสงสีขาวๆเหมือนตัวเองลอยๆ แต่ในขณะที่ผมรู้สึกแบบนี้ ผมได้ยินเสียงเรียกใกล้หูพูดช้าๆว่า ตื่น ตื่น อยู่ตลอดเวลา ผมเข้าใจว่าเสียงนั่นน่าจะเป็นเสียงของกู้ภัย แต่ลืมตามากลับไม่เห็นใครกำลังพูด และไม่ได้อยู่ใกล้หูผมด้วย รวมถึงแอร์โฮสเตสที่อยู่ข้างๆผม (ทราบว่าปัจจุบันเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว จากอาการป่วยอย่างอื่น) เธอก็อยู่กับอาการบาดเจ็บของตัวเอง...ผมได้ยินเสียงนี้อยู่ 2-3ครั้ง ในขณะอยู่ท้ายรถกู้ภัย



ผ่านเวลาไป 2ปีหลังจากที่ผมหายจากการพักรักษาตัว
ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย...จนวันนึงมีรุ่นพี่ท่านนึงที่ผมเคารพโทรมาหาผม และบอกผมว่าคืนนั้น ท่านมาหาเจมส์จริงๆนะคืนไหนพี่?? ผมถามคืนที่เจมส์มองรูปท่าน และท่านแสดงตัวให้เห็นน่ะท่านช่วยเจมส์ไว้นะ...และจะคอยดูแลเจมส์อีกหลายปี
สิ้นประโยคนี้ ผมขนลุกซู่ และผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะพูดไม่ออก รู้สึกพิศวงว่าพี่เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ในใจก็เถียงว่าไม่จริง แต่ผมก็ยังหาคำอธิบายกับปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ ด้วยความอยากรู้ผมจึงตัดสินใจ
ไปนั่งคุยกับรุ่นพี่ท่านนี้ สิ่งที่พีคที่สุดคือ
เขาพูดถึงคำว่า ตื่น ตื่น ซึ่งผมไม่เคยพูดที่ไหน!! ผมพูดเรื่องมีคนปลุกช่วงปีหลังๆนี่เอง และผมก็ไม่เคยพูดถึงเสียงปริศนานี้ ใครถามผมจะบอกว่าคนในรถปลุก เพราะไม่อยากให้เกิดกระเเสว่างมงาย... จากวันนั้นผ่านมา 20ปีพอดี รูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนั้นยังอยู่ที่บ้านผม แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์น่าพิศวงแบบนั้นอีกเลย
หลายปีที่ผ่านมา มีหลายสำนักพูดถึงเหตุการณ์เครื่องบินตกและบอกว่าผมคล้ององค์นั้น องค์นี้ถึงรอด แต่ในความเป็นจริง วันนั้นผมไม่ได้คล้องอะไรเลยครับ ถ้าจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับความเหนือธรรมชาติ ก็คงมีแต่เรื่องรูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนี้รูปเดียวครับ ...
สุดท้ายขออุทิศบุญกุศลไปถึงผู้ล่วงลับจากเหตุการณ์นี้
และคิดว่าทุกท่านคงไปสู่ภพภูมิที่ดีกันเรียบร้อยแล้ว"
โพสต์ดังกล่าว



ขอบคุณที่มา JamesRuangsak.co.th

Cr:https://www.siamdrama.com



No comments:

Post a Comment